เหตุ ‘ปริญญ์’ ทำปชป.ร้าวหนัก ไลน์กลุ่มกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์เดือด ใครเป็นกิ๊ก ใครเป็นชู้! ส่วน ‘ไลน์กลุ่ม ส.ส.-อดีต ส.ส.’ จี้ผู้บริหารพรรคออกมาขอโทษประชาชน วันที่ 16 เม.ย.65 มีรายงานแรงกระเพื่อม จากคดีอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์ กรณีถูกกล่าวหาคดีล่วงละเมิดทางเพศหญิงสาวหลายราย เพื่อพิสูจน์ความจริง และได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาไปก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุด ในกรุ๊ปไลน์ที่มีสมาขิก 36 ผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค
นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้เปิดประเด็นสนทนาโดยแชร์ข้อความ ของ นายธนัท ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัม ที่ได้ โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว เรียกร้องให้ตรวจสอบจริยธรรมกรรมการบริหารพรรค ที่สนับสนุนให้นายปริญญ์เข้ามาเป็นรองหัวหน้าพรรค
ต่อมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งข้อความในไลน์ว่า “แปลว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยครับ” ซึ่งนางศรีสมรตอบว่า “ไม่มีความเห็นค่ะท่าน” ประเด็นการสนทนาไม่ได้จบลงแค่นั้น เมื่อ มัลลิกา บุญมีตระกูล ผู้สนับสนุนนายจุรินทร์ โพสต์ข้อความว่า
“พฤติกรรมของคนหนึ่งคน ควรถูกสอบจริยธรรมทั้งกรรมการบริหารพรรค รึ แปลว่า อยากอะไร อยากเปลี่ยนหัวหน้าพรรค อยากเปลี่ยนกรรมการบริการพรรค หรืออยากอะไร
เรื่องนี้เป็นกระบวนการหรือเปล่า ในฐานะหนึ่งในกรรมการบริหารพรรค 39 คน เรื่องของปริญญ์ ยังไม่รู้เลยว่า ผิด ถูก เป็นอย่างไร แต่ถ้าเทียบกัน เรื่องที่คนรู้กันทั้งพรรคว่า คนๆ หนึ่ง เป็นชู้ของเมียคนอื่นมานานนม แบบนี้ต้องสอบจริยธรรมไหม หรือพวกที่ทำให้คนอื่นเข้าใจว่าเป็น “กิ๊ก” ของผัวคนอื่น หรือพวกที่เอาเสื้อไปแขวนไว้บนรถของผัวคนอื่น เพื่อไปงานด้วยกัน หรือให้ผัวคนอื่นขับรถไปรับถึงบ้านตนเอง แบบนี้ เรียกว่าต้องสอบจริยธรรมไหม?
หรือ คนบางคน เป็น ชู้ ของผัวคนอื่นมานาน จนถึงขั้นสุด รู้กันทั้งบาง มาวันหนึ่ง เปลี่ยนทางจากผัวของอีกคน มาเป็นผัวของอีกคน แล้วคนๆนั้น เป็น ส.ส. ในสภาด้วย แบบนี้ เราต้องสอบจริยธรรมไหม ใครจะสอบ ถ้าต้องตั้งกรรมการ มาสอบจริยธรรมกรรมการบริหารพรรค ตั้งเลย สอบตั้งแต่กรรมการเนี่ยแหละ”
ทั้งนี้ไม่มีใครส่งข้อความตอบโตนางมัลลิกา
นอกจากนี้ มีรายงานว่า ในกรุ๊ปไลน์ที่ ชื่อ “อดีต ส.ส.และส.ส.ประชาธิปัตย์” มีสมาชิกในกรุ๊ปรวมกว่า 155 คน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.เขตตรัง ได้พิมพ์ข้อความว่า “ขออนุญาตนะครับ เรื่องที่เป็นข่าวฉาวในขณะนี้ กระทบคนที่ทำที่พื้นที่อย่างหนัก ผมเชื่อว่า ผู้สมัคร ผู้ว่า กทม.และส.ก.จะยิ่งหนักกว่า หนักที่สุดคือชื่อเสียงของพรรคเรา ที่อีกไม่กี่เดือนจะมีการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ผมขอให้ผู้บริหารมีท่าทีที่ชัดเจนต่อเรื่องนี้ ที่จะสร้างความมั่นใจกับสังคมว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะไม่เพิกเฉย ดูดาย หรือเกียร์ว่าง กับเรื่องที่เกิดขึ้นครับ ขออนุญาตที่ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา”
“ปัญหาต่างๆที่ไม่จบ ก็เพราะไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำอย่างตรงไปตรงมา เห็นใจคนลงพื้นที่ค่ะ” นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้พิมพ์ข้อความในเวลาต่อมา ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภา และอดีตหัวหน้าพรรค ได้ส่งข้อความว่า “อย่ากลัวปัญหา เมื่อมีปัญหา ก็อย่าหนีปัญหา”
ตำรวจ เผย เตรียมเข้าขอ หมายจับรองหัวหน้าพรรคดัง กรณีล่วงละเมิดเพศ
ตำรวจ เผยพรุ่งนี้ทางเจ้าหน้าที่เตรียมเข้าขอ หมายจับรองหัวหน้าพรรคดัง กรณีล่วงละเมิดเพศ มั่นใจไม่มีการช่วยเหลือรองหัวหน้าพรรคแน่นอน พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมความคืบหน้ากรณีที่ หญิงวัย 18 ปีได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวหาว่า รองหัวหน้าพรรคดัง ได้ล่วงละเมิดเพศตนดังที่รายงานไปก่อนหน้านี้
โดย พล.ต.ต.ไตรรงค์ ระบุว่า ข้อมูลที่ชุดสืบสวนสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานในจุดเกิดเหตุ และการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องหลายปาก ถึงขณะนี้มั่นใจว่า จะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดไปยื่นต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ให้ออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ เชื่อว่าพยานหลักฐานที่ตำรวจสามารถรวบรวมได้ จะทำให้ศาลเชื่อในพฤติการณ์ของผู้ต้องหา และจะออกหมายจับให้ แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ย้ำว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนดำเนินการไปตามขั้นตอนไม่ได้เลือกปฏิบัติหรือดึงคดี จะเห็นได้จาก ไทม์ไลน์เวลาการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งภายหลังจากผู้เสียหายเข้าแจ้งความในวันที่ 12 เมษายน ในวันพรุ่งนี้ก็จะไปขอศาลออกหมายจับแล้ว จึงขอให้สังคมมั่นใจว่าคดีดังกล่าวจะไม่มีการช่วยเหลือกันทางคดีอย่างแน่นอน แม้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นนักการเมืองหรืออดีตรองหัวหน้าพรรคดังก็ตาม
สำหรับคดีของผู้เสียหายรายอื่น ขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวนยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อไปขอให้ศาลออกหมายจับในลักษณะเดียวกัน แต่เนื่องจากพฤติการณ์การก่อเหตุเป็นช่วงเวลาที่ต่างกันจึงต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานอีกสักระยะหนึ่ง ทั้งนี้ ยังไม่มีแนวความคิดรวมคดีทุกคดีเป็นคดีเดียวกัน เนื่องจากผู้เสียหายคนละคน และช่วงเวลาการเกิดเหตุที่แตกต่างกันออกไป
ส่วนประเด็นที่ผู้เสียหายบางรายเชื่อว่า พฤติการณ์ของผู้ก่อเหตุมีลักษณะคล้ายคนมีความผิดปกติทางจิตคล้ายคนมีอาการไบโพลาร์หรือบุคลิกแตกต่างสุดขั้ว เกรงว่าผู้ก่อเหตุอาจใช้ประเด็นดังกล่าวในการต่อสู้ทางคดี รองผู้บัญชาการนครบาล กล่าวว่าได้ให้พนักงานสอบสวนไปรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับประวัติการรักษาของผู้ก่อเหตุแล้ว แต่เชื่อว่าแม้จะมีอาการป่วยทางจิตก็ไม่มีผลต่อการดำเนินคดีของตำรวจ
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป