Youtbe เปิดทางเจ้าของช่องสร้างรายได้ จากเพลงติดลิขสิทธิ์ เริ่มปี 2023

Youtbe เปิดทางเจ้าของช่องสร้างรายได้ จากเพลงติดลิขสิทธิ์ เริ่มปี 2023

ข่าวล่าสุด (21 ก.ย. 65) ยูทูปเตรียมเปิดช่องทางหารายได้ใหม่จากคลิปวิดีโอที่มี “เพลงติดลิขสิทธิ์” เริ่มใช้งานครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมขยายฟีเจอร์นี้สู่ประเทศอื่น ๆ ในปี 2023 แม้ว่าเส้นทางการเป็นเศรษฐีจะไม่มีทางลัด แต่ล่าสุดมีข่าวดีในปี 2022 เพราะครีเอเตอร์สามารถหารายได้จากยูทูป Creator Music จากผลงานคอนเทนต์วิดีโอที่มีเพลงลิขสิทธิ์ผ่านฟีเจอร์ล่าสุดอย่าง”ครีเอเตอร์ มิวสิค” ที่เพิ่งประกาศเปิดตัวในงานเมดออนยูทูป (Made on YouTube) เมื่อวันอังคารที่ 20 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา

สำหรับรายละเอียดของช่องทางการหารายได้จากยูทูปผ่านลิขสิทธิ์เพลงในวิดีโอ 

คือครีเอตอร์สามารถขอใบอนุญาตหรือไลเซนส์ได้โดยตรงและทำการเก็บรายได้ทั้งหมดไว้ ยังไม่รวมจากการถูกแบ่งรายได้ให้กับยูทูปอีก 45 เปอร์เซ็นต์ อีกทางเลือกคือการแบ่งรายได้กับผู้ถือใบอนุญาตหรือไลเซนส์ในสัดส่วนร้อยละ 27.5 โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายล่วงหน้าในการเข้าถึงเพลง

จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นนั้นหมายความว่า เมื่อใดก็ตามที่ชาวครีเอเตอร์ไม่ได้ใช้เพลงที่พวกเขาเป็นเจ้าของเพลง ครีเอเตอร์ที่ใช้เพลงซึ่งตนเองไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ จะต้องมอบรายได้โฆษณาทั้งหมดให้แก่ผู้ถือใบอนุญาตเพลง ดังนั้นเพลงที่ใช้ในเชิงพาณิชย์จะไม่สามารถใช้งานบนยูทูปได้หากไม่มีการขอไลเซนส์

ยกตัวอย่างเช่นนาย ก เป็นครีเอเตอร์ที่สร้างคลิปสอนวิธีหารายได้บนยูทูป และได้ใช้เพลงที่มีลิขสิทธ์ของนาย ข ประกอบในวิดีโอดังกล่าว นาย ก จะต้องให้รายได้จากโฆษณาทั้งหมดให้กับเจ้าของเพลงอย่างนาย ข สรุปว่าหากจะทำคลิปวิดีโอใดบนยูทูปจะไม่สามารถใช้เพลงที่มีลิขสิทธิ์แบบฟรี ๆ ได้แล้วนั่นเอง

อย่างไรก็ตามสำหรับครีเอเตอร์ มิวสิค (Creator Music) ตอนนี้กำลังอยู่ในกระบวนการทดสอบขั้นเบตา และมีแผนเปิดตัวในประเทศสหรัฐอเมริกาช่วงปลายปี 2022 ล่าสุดมีข่าวว่าทางยูทูปได้ทำข้อตกลงกับค่ายเพลง ผู้จัดพิมพ์ และผู้จัดจำหน่ายมากกว่า 50 แห่ง โดยจำทำการเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาในปี 2022 และเตรียมขยายครีเอเตอร์ มิวสิคไปสู่ตลาดประเทศอื่น ๆ อีกครั้งในปี 2023

เรียกว่าเป็นกลเม็ดเด็ดเพื่อสยบคู่แข่งอย่าง “ติ๊กต๊อก” (TikTok) ที่เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอขนาดสั้นเลยก็ว่าได้ เพราะยังมีข่าวลือว่าหลังจากยูทูปได้เปิดตัวครีเอเตอร์มิวสิค ก็มีแผนจะทำสตรีมมิ่งของตัวเองด้วยเหมือนกันครับ.

ASUS เปิดตัว ROG Phone 6 เวอร์ชัน Batman Edition

ASUS เปิดตัว ROG Phone 6 Batman Edition เรือธงเกมมิ่งรุ่นอัศวินรัตติกาล อย่างเป็นทางการจากความร่วมมือกับ Warner Bros ASUS เปิดตัว ROG Phone 6 เวอร์ชัน Batman Edition เรือธงเกมมิ่งรุ่นอัศวินรัตติกาล อย่างเป็นทางการจากความร่วมมือกับ Warner Bros ที่ราคา 1,199 ยูโร หรือราว 44,300 บาท

ROG Phone 6 Batman Edition มากับตัวเครื่องที่มีไฟ RGB เป็นรูปโลโก้ Batman ที่ด้านหลัง พร้อม Box Set สีดำแบบพิเศษที่มีความลึกลับ รวมถึงเคสลาย Batman จากในคอมิค รวมถึงเข็มถอดถาดใส่ซิมดีไซน์โลโก้ Batman สุดพิเศษนอกจากนี้ยังมีธีมเครื่อง, ภาพ Live Wallpaper และหน้าจอ Always-On Display แบบเฉพาะ

สำหรับ ROG Phone 6 Batman Edition ใช้สเปคเดียวกันกับ ROG Phone 6/6D โดยมากับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว คมชัดระดับ FHD+ รองรับค่า Refresh Rate สูงสุดระดับ 165Hz ผสานค่า Touch Sampling Rate ระดับ 720Hz บนตัวเครื่องรองรับคุณสมบัติกันน้ำ IPX4

ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8+ Gen1 มีระบบระบายความร้อนในตัวแบบ GameCool 6 จับคู่ RAM 12GB + ROM 256GB โดยมีแบตเตอรี่ความจุ 6000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Quick Charge 5.0 (65W)

รวมถึงชุดกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 50MP เซนเซอร์ Sony IMX766 + กล้อง Ultra-Wide 13MP + กล้อง Macro 5MP

Asus ROG Phone 6D Batman Edition (Dimensity 9000+) รุ่น RAM 12GB+ROM 256GB เปิดขายที่ราคา 1,199 ยูโร หรือราว 44,300 บาท สำหรับรุ่น Snapdragon 8+ Gen 1 ทาง Asus ยังไม่มีการให้ข้อมูลหรือการวางจำหน่ายในตอนนี้

ตัวเกมส์รวมชุดฉบับดั่งเดิมนั้นจะทำการวางขายภายในร้านค้าของ Rockstar Games เท่านั้น และจพรายงานความคืบหน้าให้ทราบอีกทีเมื่อทำการวางขายอย่างเป็นทางการแล้ว

ผู้เล่น GTA ออนไลน์ที่ทำการเชื่อมต่อบัญชีผู้ใช้งาน Rockstar Games Social Club เข้ากับ Prime Gaming เป็นที่เรียบร้อยแล้วจะได้รับ 1 แสน GTA$ สำหรับการเล่นภายในอาทิตย์นี้ พร้อมทั้งสามารถที่จะเติมเอา grim omen ของ LCC Santus, ใช้บริการ Southern San Andreas Super Autos ฟรี และผู้ที่ทำการซื้อ LCC Santus ในราคาเต็มนั้นจะได้รับเงินคืนย้อนหลัง 100% ภายในเวลา 72 ชม. หลังการซื้อ

และผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นยังได้กล่าวว่าชิปที่ว่านี้จะพัฒนาเสร็จสิ้นภายปี 2025 แต่ถ้าหากข่าวทีนี้เป็นจริง ก็ถือว่า Apple ย่นระยะเวลามาได้ถึง 2 ปีด้วยกัน

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป